วิธีเช็คน้ำมันเครื่อง ที่ผู้ใช้รถต้องรู้ เพราะน้ำมันเครื่องขาดอันตรายกว่าที่คิด !

สิ่งสำคัญของคนใช้รถใช้ถนนจำเป็นจะต้องรู้ก็คือ วิธีเช็คน้ำมันเครื่อง โดย “น้ำมันเครื่อง” หรือโดยทั่วไปคือ น้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ เปรียบเสมือนเลือดหล่อเลี้ยงองรถยนต์ หรือพูดง่าย ๆ ว่าเป็นสารบำรุงรักษาเครื่องยนต์ “ทั้งระบบ” ซึ่งประกอบไปด้วย 2 ส่วนสำคัญคือน้ำมันพื้นฐานและสารเพิ่มคุณภาพ มีหน้าที่หล่อลื่น ลดแรงเสียดทาน ชะล้างสิ่งสกปรก ป้องกันการสึกหรอให้กับชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ ในขณะที่เผาไหม้เสียดสีกัน และระบายความร้อน เป็นต้น

รู้ วิธีเช็คน้ำมันเครื่อง ให้ดี อย่าปล่อยน้ำมันเครื่องขาด หากไม่อยากเจอปัญหาใหญ่

รู้ไหมว่า ? หากคุณปล่อยให้รถยนต์คู่ใจของคุณ น้ำมันเครื่องขาด จะทำให้ปัญหาต่าง ๆ ตามมามากมาย แต่จะรู้ได้อย่างไรว่า รถไม่มีน้ำมันเครื่อง แล้วล่ะ ? หรือน้ำมันเครื่องพร่อง ลดน้อยลงไปผิดปกติ และนี่คือ 3 สัญญาณเตือนและความรุนแรงเป็นปัญหาใหญ่ที่จะตามมา หากเครื่องยนต์ของรถคุณมีน้ำมันเครื่องน้อยเกินไปจากเกณฑ์ที่เครื่องยนต์ต้องการใช้ในการทำงาน


เครื่องยนต์มีเสียงดังขณะทำงาน

เครื่องยนต์ส่งเสียงดังกว่าปกติ อาจเกิดจาก “แหวนลูกสูบเสียดสีกับผนังกระบอกสูบโดนตรง เนื่องจากมีน้ำมันหล่อลื่นไม่เพียงพอ” เมื่อน้ำมันเครื่องไม่มีหรือมีปริมาณไ่ม่เพียงพอ ก็จะทำให้ประสิทธิภาพในการทำหน้าที่เคลือบชิ้นโลหะลดน้อยลงตามไปด้วย ยิ่งปล่อยทิ้งไว้นานก็ยิ่งทำให้เครื่องยนต์สึกหรอรุนแรงมากขึ้น


ชาร์ปเริ่มละลาย
“ชาร์ป” เป็นส่วนประกอบหนึ่งของเครื่องยนต์ ชาร์ปเป็นแบริ่งชนิดหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่รองรับการหมุนของเพลาข้อเหวี่ยงไม่ให้เสียดสีกับก้านสูบโดยตรง แต่จะสามารถทำงานได้ดีเมื่อมีน้ำมันเครื่องมาช่วยหล่อลื่น หากรถยนต์ไม่มีน้ำมันเครื่องก็เปรียบเหมือนปล่อยให้ “โลหะเสียดสีกันตลอดเวลา” ส่งผลให้เกิดความร้อนและอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิดการสึกหรอสูงหรือเรียกอย่างหนึ่งว่า “ชาร์ปละลาย” และนั่นคือจุดเริ่มต้นของจุดจบ สำหรับเครื่องยนต์ของรถคุณ


ลูกสูบติด
เป็นอาการที่ลูกสูบไม่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างราบรื่น เมื่อลูกสูบติดจะส่งผลให้เครื่องยนต์มีกำลังลดลง ซึ่งเกิดจากการสึกหรอของลูกสูบโดยตรงหรือชาร์ปมีอาการติดขัดขณะทำงาน หากปล่อยทิ้งไว้นาน จะทำให้รถไม่สามารถขับเคลื่อนรถยนต์ได้ ความเสียหายแค่ไหน ? ก็เทียบเท่ากับยอดเงินที่คุณต้องจ่ายเพื่อค่าซ่อมครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นนั่นแหละ

เมื่อคุณทราบถึงสัญญาณเตือน 3 ข้อ ที่เรากล่าวไปเมื่อข้างต้นแล้ว เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่จะตามมาไม่หยุดหย่อน แนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อขับขี่ถึงระยะหรือรอบการใช้งานตามกำหนดจะดีที่สุด ตรวจเช็กระดับน้ำมันเครื่องบ่อยๆ อย่างน้อยน้ำสัปดาห์ละครั้ง เพื่อดูความผิดปกติของเครื่องยนต์ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการเลือก “เกรดน้ำมันเครื่อง” ให้เหมาะสมกับอายุของเครื่องยนต์ด้วย


เช็คน้ำมันเครื่อง มีขั้นตอนอย่างไร ?
วิธีตรวจเช็คน้ำมันเครื่องด้วยตัวเอง บอกเลยว่าไม่ยุ่งยากอย่างที่หลาย ๆ คนคิด เพียงแค่ใช้อุปกรณ์ง่าย ๆ ที่หาได้ทั่วไป เช่น เศษผ้าหรือกระดาษทิชชู่ โดยมีวิธีเช็กดังนี้
จอดรถให้อยู่ในแนวระนาบ ไม่ลาดเอียง
– มองหาก้านวัดระดับน้ำมันเครื่อง พร้อมกับดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมา และทำความสะอาดน้ำมันเครื่องที่ติดกับก้านวัดด้วยผ้าสะอาดหรือกระดาษทิชชู่
– เสียบก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องกลับคืนจุดเดิมอีกครั้ง เพื่อตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องที่มีอยู่ในอ่างน้ำมันเครื่อง
– ดึงก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องออกมาอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องที่บริเวณปลายของก้าน

สำหรับวิธีการสังเกตว่ารถของคุณ น้ำมันเครื่องขาด หรือไม่ !? ให้ดูระดับน้ำมันเครื่องที่วัดออกมาให้ดี หากอยู่ระหว่างขีด F กับ L หรือ Max กับ Min จะถือว่าอยู่ระดับปกติ ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป แต่แนะนำให้รักษาระดับของน้ำมันเครื่อง ให้อยู่สูงกว่าครึ่งหนึ่งของขีด F กับ L หรือ Max กับ Min อยู่เสมอ พร้อมกับตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องเป็นประจำ ทุก ๆ 1-2 สัปดาห์/ครั้ง หรือ “อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง”

*หมายเหตุ : การเช็คน้ำมันเครื่องจะต้องทำในขณะที่เครื่องยังร้อน หรือมีอุณหภูมิที่ยังอุ่นอยู่ แนะนำให้วัดระดับน้ำมันเครื่องหลังจากดับเครื่องยนต์ ประมาณ 1-3 นาที เพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลกลับลงสู่อ่างน้ำมันเครื่องด้านล่างก่อน


ทำไมต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ? ทำความเข้าใจก่อนปล่อยรถพังแบบไม่รู้ตัว

หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะทางหรือระยะเวลาตามกำหนดในการเปลี่ยนถ่าย เราได้รวบรวมเหตุผลมาบอกคุณเรียบร้อยแล้ว โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

เมื่อใช้น้ำมันเครื่องถึงระยะทางหรือระยะเวลาเปลี่ยนถ่าย ที่น้ำมันเครื่องเกรดนั้น ๆ กำหนดคุณสมบัติการหล่อลื่นและการทำความสะอาดเสื่อมลง ก็ส่งผลให้น้ำมันเครื่องเสื่อมไปตามสภาพการใช้งาน จึงจำเป็นจะต้องเปลี่ยนถ่ายตามระยะที่กำหนด
การขับขี่บนท้องถนนที่มีการจราจรหนาแน่น น้ำมันเครื่องทำงานอยู่ตลอดเวลาทั้งตอนที่รถติดและรถวิ่ง น้ำมันหล่อลื่นจะทำงานหนัก ส่งผลให้สารเพิ่มประสิทธิภาพในน้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมคุณภาพเร็วขึ้น ดังนั้นแนะนำให้พิจารณาทั้งระยะทางขับขี่ และระยะเวลาที่เปลี่ยนถ่ายควบคู่กันไป

และทั้งหมดนี้ก็คือเหตุผลที่คุณ “จำเป็น” จะต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อถึงกำหนด เพราะไม่อย่างนั้นจะทำให้รถยนต์คู่ใจของคุณเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาในอนาคต จนลามไปถึงชิ้นส่วนอื่น ๆ ที่พังตามไปด้วย จนคุณแบกรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้ไม่หวาดไม่ไหวกันเลยทีเดียว

เห็นแล้วใช่ไหมล่ะ ? ว่าน้ำมันเครื่องมีความสำคัญต่อเครื่องยนต์มากน้อยเพียงใด และนอกจากการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องแล้ว แนะนำให้เปลี่ยนพร้อมไส้กรองน้ำมันทุกครั้ง เนื่องจากไส้กรองฯ เป็นตัวดักเก็บสิ่งเจือปนต่าง ๆ ที่อยู่ในน้ำมันเครื่อง หากไส้กรองอุดตันก็จะทำให้เครื่องยนต์สึกหรอได้เช่นเดียวกัน และถ้าหากคุณกำลังมองน้ำมันเครื่องคุณภาพ ได้รับมาตรฐานสากล น้ำมันเครื่องจาก BEZ คือคำตอบที่ใช่สำหรับรถของคุณหากต้องการน้ำมันเครื่องเกรดคุณภาพ และผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดให้กับรถยนต์ของคุณ